ก่อนเกมที่อุลเลวาล สตาดิโอน ในโอสโล นอร์เวย์เข้าสู่แมตช์นี้ด้วยฟอร์มร้อนแรงสุดๆ หลังเก็บชัยชนะรวด 5 นัดในรอบคัดเลือก ครองจ่าฝูงกลุ่ม I ด้วย 15 แต้มเต็ม พวกเขายิงถล่มทลายในเกมล่าสุด โดยเฉพาะเออร์ลิง ฮาแลนด์ ที่ซัดไป 9 ประตูจาก 5 นัดหลังสุดให้ทีมชาติ โค้ชสตาเล่ โซลบัคเคน ย้ำว่าต้องเล่นให้รัดกุม เพราะอิสราเอลมีเกมรุกที่ไหลลื่น ชอบเสี่ยง และมีปีกซ้ายอย่างมานอร์ โซโลมอน ที่อันตรายหากปล่อยช่องว่าง ทีมชาตินอร์เวย์หวังใช้ความแข็งแกร่งในบ้านและการประสานงานระหว่างฮาแลนด์กับอเล็กซานเดอร์ เซอร์ลอธ เพื่อปิดเกมให้ได้เร็ว
ส่วนอิสราเอลมี 9 แต้มจากการชนะ 3 แพ้ 2 ใน 5 นัดหลัง พวกเขาต้องการชัยชนะเพื่อหนีห่างอิตาลีที่ตามหลังและมีเกมในมือ โค้ชราน เบน ชิมอน บอกว่าทีมไม่กลัวใคร เน้นเล่นให้เป็นหนึ่งเดียวและพัฒนา mindset หลังเพิ่งพ่ายอิตาลีแบบสูสี 4-5 พวกเขาหวังแก้แค้นจากนัดแรกที่แพ้นอร์เวย์ 4-2 โดยมีดอร์ เปเรตซ์ เป็นตัวทีเด็ดที่ยิงได้ 3 ประตูช่วงหลัง แต่เกมนี้เล่นนอกบ้านท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียดจากเหตุประท้วงทางการเมือง ทำให้ต้องโฟกัสเต็มที่เพื่อเก็บแต้มสำคัญ ติดตามบทวิเคราะห์ สรุปผลบอลและรูปเกมที่ขึ้นได้ที่ PONBALL คลิ๊กเลย
วิเคราะห์แท็กติกรูปเกมฟอร์มการเล่นทั้ง 2 ทีม
นอร์เวย์ภายใต้การคุมทีมของสตาเล สตาเล่ โซลบัคเคน เลือกใช้ระบบ 4-2-3-1 ที่เน้นความสมดุลระหว่างรุกและรับ โดยให้แพทริก เบิร์ก กับซานเดอร์ เบิร์ก คอยคุมแดนกลาง ขณะที่แนวรุกอาศัยความเร็วของอันโตนิโอ นูซา และออสการ์ บ็อบบ์ สนับสนุนเออร์ลิง ฮาแลนด์ ซึ่งเป็นจุดเด่นตลอดเกม พวกเขาครองบอลเฉลี่ย 50-54% แต่เน้นเพรสสูงเพื่อบีบคู่แข่งผิดพลาด สังเกตจากช่วงต้นเกมที่นอร์เวย์ได้จุดโทษตั้งแต่นาที 3 แม้ฮาแลนด์พลาดทั้งสองครั้ง เซฟโดยดาเนียล เปเรตซ์ แต่ทีมไม่เสียขวัญ กลับใช้การครอสจากริมเส้นเจาะแนวรับอิสราเอลได้ดี
โดยเฉพาะลูกเปิดของนูซาที่นำไปสู่ประตูแฮตทริกของฮาแลนด์ (นาที 27, 63, 72) ฟอร์มโดยรวมของนอร์เวย์โดดเด่นในเรื่องความอดทนและประสิทธิภาพรุก ยิงเข้ากรอบ 8 ครั้งจากโอกาสทั้งหมด ขณะที่เกมรับนำโดยคริสตอฟเฟอร์ อาเยอร์ และทอร์บเยิร์น ลีซาเคอร์ เฮกเก็ม เหนียวแน่น ไม่ปล่อยช่องให้อิสราเอลโต้กลับมากนัก ไฮไลท์คือการ counter-attack ที่รวดเร็ว เช่น ลูกนำ 1-0 จาก own goal ของอนัน คาลาไอไล (นาที 18) หลังจากเพรสสูง และ own goal อีกจากอิดัน นัคมียัส (นาที 28) ที่เกิดจากข้อผิดพลาดภายใต้แรงกดดัน ทำให้พวกเขารักษาคลีนชีตและชนะขาดลอย 5-0 แสดงถึงฟอร์มร้อนแรงที่ชนะรวดในรอบคัดเลือก อัปเดต ราคาบอล คู่อื่นที่น่าสนใจที่นี่ ที่เดียว

ส่วนอิสราเอลของราน เบน ชิมอน มาในระบบ 4-3-3 เพื่อเน้นเกมรุกไหลลื่น โดยให้โมฮัมหมัด อาบู ฟานี เชื่อมแดนกลางกับปีกอย่างมานอร์ โซโลมอน และอนัน คาลาไอไล แต่รูปเกมกลับรั่วไหลเพราะเกมรับไม่แน่นพอ พวกเขาครองบอลสูงกว่าในช่วงแรก (เฉลี่ย 46-50%) และพยายามสร้างโอกาสจากบอลยาวกับลูกตั้งเตะ แต่ขาดความเฉียบคม ยิงเข้ากรอบแค่ 3 ครั้งตลอดเกม จุดอ่อนชัดเจนคือข้อผิดพลาดส่วนตัว เช่น การเสีย own goal สองลูก และฟาวล์ที่นำไปสู่จุดโทษ
ขณะที่แดนกลางอย่างเอลีเอล เปเรตซ์ และออสการ์ กลูห์ พยายามเชื่อมเกมแต่โดนเบิร์กคู่กลางนอร์เวย์ตัดบอลบ่อย ไฮไลท์ฟอร์มคือการเซฟจุดโทษสองครั้งของเปเรตซ์ในช่วงต้นที่ช่วยยื้อสกอร์ แต่หลังจากเสียประตูนำ ทีมเสียสมาธิและโดน counter เจาะซ้ำซาก โดยเฉพาะในครึ่งหลังที่นอร์เวย์ใช้การเปลี่ยนตัวอย่างเฟรดริก อันเดร บเยอร์คาน และโจเออร์เกน สตรันด์ ลาร์เซ่น เพิ่มความสด ฟอร์มโดยรวมของอิสราเอลถือว่าต่ำกว่ามาตรฐาน แพ้ยับเพราะขาดความสม่ำเสมอและ mindset ที่แข็งแกร่ง ท่ามกลางแรงกดดันจากบรรยากาศประท้วงรอบสนาม
โดยรวม รูปเกมเอียงไปทางนอร์เวย์ที่คุมจังหวะได้ดีกว่า ใช้แท็กติกเพรสสูงและ counter ทำลายอิสราเอลที่พยายามครองบอลแต่ไร้ประสิทธิภาพ ทำให้ผลออกมาขาดลอยและนอร์เวย์ใกล้เข้ารอบมากขึ้น แฟนบอลสามารถติดตามผลการแข่งขันและบทวิเคราะห์แมตช์สำคัญได้ที่นี่ UFABET เราจะพาไปเกาะติดทุกความเคลื่อนไหวของถ้วยเล็ก ถ้วยใหญ่ ที่เต็มไปด้วยสีสัน
Top Performers นักเตะเด่นประจำเกม
| นักเตะ | ทีม | ตำแหน่ง | ประตู/แอสซิสต์ | คะแนน (จาก 10) | ไฮไลท์เด่น |
| เออร์ลิง ฮาแลนด์ | นอร์เวย์ | กองหน้า | 3/0 | 9.5 | แฮตทริกสุดคม แม้พลาดจุดโทษ 2 ครั้ง แต่ยิงครบ 50 ประตูให้ทีมชาติเร็วสุดในประวัติศาสตร์ |
| อันโตนิโอ นูซา | นอร์เวย์ | ปีก | 0/1 | 8.5 | ครอสสวยให้ฮาแลนด์ยิง แสดงความเร็วและเทคนิคดีเยี่ยม |
| ออสการ์ บ็อบบ์ | นอร์เวย์ | ปีก | 0/1 | 8.0 | สร้างโอกาสเพียบ ครอสและเลี้ยงบอลเจาะแนวรับ |
| ดาเนียล เปเรตซ์ | อิสราเอล | ผู้รักษาประตู | 0/0 | 7.5 | เซฟจุดโทษฮาแลนด์ 2 ครั้งติด ช่วยทีมไม่เสียมากกว่านี้ |
| มานอร์ โซโลมอน | อิสราเอล | ปีก | 0/0 | 7.0 | พยายามสร้างเกมรุก แต่โดนประกบหนึบ |
จุดเปลี่ยนสำคัญในเกม
จุดเปลี่ยนใหญ่คือช่วงต้นเกมที่นอร์เวย์ได้จุดโทษตั้งแต่นาที 3 แต่ฮาแลนด์พลาดทั้ง 2 ครั้ง (ยิงซ้ำเพราะนายทวารอิสราเอลขยับก่อน) แต่ทีมไม่เสียขวัญ กลับยิงนำ 1-0 จากลูกโหมนของอนัน คาลาไอไล นาที 12 ตามด้วยโหมนอีกจากอิดัน นัคมียัส ก่อนฮาแลนด์ระเบิดแฮตทริกในครึ่งหลัง นาที 63 (แอสซิสต์จากนูซา), 72 และลูกสุดท้าย สถิติเด่น นอร์เวย์ครองบอล 62%, ยิงเข้ากรอบ 8 ครั้ง, ลูกเตะมุม 7, ฟาวล์ 12 ขณะอิสราเอลยิงเข้ากรอบแค่ 3, ครองบอล 38% แสดงถึงความเหนือชั้นชัดเจน
มุมมองจากสื่อ ทรรศนะหลังเกม
สื่อต่างชาติอย่าง Sky Sports ชมฮาแลนด์ว่าเป็น “สุดยอดดาวยิง” หลังซัดแฮตทริกทำลายสถิติ 50 ประตูทีมชาติเร็วสุด แม้พลาดจุดโทษแต่ยังเด็ดขาด ขณะที่ The Guardian ชี้ว่าบรรยากาศประท้วงเรื่องกาซ่าทำให้เกมตึงเครียด แต่ฟุตบอลยังชนะใจ โค้ชสตาเล่ โซลบัคเคน บอกทีมเล่นสมบูรณ์แบบ ใกล้ตีตั๋วบอลโลกแล้ว
ส่วนเบน ชิมอน ยอมรับอิสราเอลผิดพลาดเยอะ ต้องปรับปรุงรับให้แน่นขึ้น โดยรวม นอร์เวย์ก้าวใกล้เวิลด์คัพ 2026 มาก แต่เกมนี้สะท้อนปัญหาการเมืองในกีฬา ถ้าชอบข่าวกีฬาแบบนี้ ลองติดตามเว็บเราสำหรับอัปเดตผลบอลสดและวิเคราะห์เพิ่มเติมนะ อย่าพลาดติดตามความมันส์ต่อไป อยากรู้ผลบอลและวิเคราะห์เจาะลึกแบบนี้ ติดตามได้ที่เว็บไซต์ของเราทุกวัน ทางเข้า UFABET หรือหน้าเพจฟุตบอลที่คุณชื่นชอบ

